วันอังคารที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ความหมายของคำศัพท์เกี่ยวกับคอมจ้า
1.ความหมายของ E-mail ย่อมาจาก electronic mail (แปลว่า ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์) หมายถึงการสื่อสารหรือการส่งข้อความ โน้ต หรือบันทึกออกจากคอม พิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ผ่านไปเข้าเครื่องปลายทาง (terminal) หรือเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งโดยส่งผ่านทางระบบเครือข่าย (network) ผู้ส่งจะต้องมีเลขที่อยู่ (e-mail address) ของผู้รับ และผู้รับก็สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เรียกข่าวสารนั้นออกมาดูเมื่อใดก็ได้ โดยปกติ จะไม่มีการพิมพ์ข้อความหรือข่าวสารนั้นลงแผ่นกระดาษ นับว่าเป็นการประหยัดกระดาษไปได้ส่วนหนึ่ง โดยทั่วไป ถือกันว่าเป็นงานส่วนหนึ่งของสำนักงานอัตโนมัติ (office automation) ซิ่งปัจจุบันได้รับความนิยมเป็นอันมากชนิดของการรับส่ง E-mail


1. รับส่งโดยใช้โปรแกรม E-mail โดยเฉพาะ เช่น Outlook Express, Eudora


2. รับส่งโดยผ่าน Web site เช่น www.sanook.com, http://www.yahoo.com/


3. รับส่งโดยผ่าน Web Browser เช่น Netscape, IE เป็นต้น วิธีการใช้งานทั่วไป1. TO - หมายถึง ชื่อ E-mail สำหรับผู้รับ 2. FROM - หมายถึง ชื่อ E-mail สำหรับผู้ส่ง 3. SUBJECT - หมายถึง หัวข้อเนื้อหาของจดหมาย


4. CC - หมายถึงสำเนา E-mail ฉบับนี้ไปให้อีกบุคคลหนึ่ง


5. BCC - หมายถึงสำเนา E-mail ฉบับนี้ไปให้อีกบุคคลหนึ่ง แต่ผู้รับ (TO) จะไม่ทราบว่าเราสำเนาให้ใครบ้าง


6. ATTACHMENT - ส่ง file ข้อมูลแนบไปพร้อมกับ E-mail


2.ความหมายของ e-banking คือ Electronics Banking คำว่า Banking คือ การทำธุระกรรมต่าง ๆ ที่ต้องทำที่ธนาคาร เช่นโอนเงิน ตรวจสอบยอด เป็นต้น ส่วน E-Banking หรือ ธนาคารอิเล็คทรอนิกส์ คือ การให้บริการทำธุระกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านอุปกรณ์หรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ หรือ อินเตอร์เนต ในปัจจุบันธนาคารต่างๆมีบริการให้ลูกค้าของธนาคารเลือกใช้หลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการใช้เอทีเอ็ม, บัตรเครดิต,อินเทอร์เน็ตแบงกิ้ง, ธนาคารผ่านอินเทอร์เน็ต หรือแม้แต่ เอ็มแบงกิ้ง ธนาคารในมือถือ ซึ่งจะเลือกใช้แบบไหนนั้นก็แล้วแต่ความสะดวกและความพึงพอใจในแต่ละบุคคล


3.ความหมายของ E-Exhibition คือ การจัดทำนิทรรศการบน Web Site หรือ ห้องนิทรรศการ Online ใช้ในการนำเสนอองค์ความรู้ ห้องแสดงผลงาน หรือนำเสนอสินค้า-นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ (E-Exhibition) หมายถึง การจำลอง หรือจัดแสดง เนื้อหาสาระหรือความรู้ในรูปแบบ นิทรรศการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของผู้จัดทำว่าต้องการจะนำเสนอเนื้อหาสาระใด ในการนำเสนอ นั้น มีวิธีการ คือ จัดเก็บองค์ประกอบของเนื้อหาเป็น ข้อความ ภาพ หรือเสียง-นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นสื่อการเรียนรู้ประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นสื่อผสม ที่ใช้วิธีการนำเอาเนื้อหาสาระหรือความรู้มานำเสนอไว้ให้ผู้ชมได้รับชมเพื่อสร้างทั้งความรู้และความเพลิดเพลิน ซึ่งปัจจุบันนิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นเครื่องมือการสื่อ สารที่ได้รับความสนใจ และมีบทบาทมากขึ้นทุกขณะ ทั้งในด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ ธุรกิจ สังคม การเมือง อุตสาหกรรม การแพทย์ สาธารณสุข และอื่น ๆ -นิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์ เป็นวิธีการนำเสนอองค์ความรู้ที่ใช้กุศโลบายอันแยบยล ในการกระตุ้นให้ผู้ชมเกิดความสนใจใคร่รู้ในเรื่องราวสาระ และแนวความคิด ทั้งยังเป็นเป็นวิธีที่สามารถสร้างโอกาสของการเห็นการรับชมได้ง่าย เป็นอัตโนมัติ มีประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และการเรียนรู้บางอย่างที่เกินปกติวิสัยที่จะมีโอกาสเช่นนั้น-เสน่ห์ของนิทรรศการอิเล็กทรอนิกส์อยู่ที่ความพิเศษ ถ่ายทอดความเป็นไปต่าง ๆ ของสิ่งที่ต้องการแสดง ให้ผู้ชมได้เห็น ได้เข้าใจอย่างแจ่มชัด รวดเร็ว และเพลิดเพลินด้วย ทั้งยังเป็นที่รวมของความก้าวหน้า อันจะเป็นแนว ปฏิบัติในการเผชิญกับปัญหา ต่าง ๆ พร้อมทั้งเห็นทางแก้ ไขด้วย


4.ความหมายของ E-Advertising การโฆษณาผ่านทางหน้าเว็บไซต์ ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและนิยมใช้ที่สุด


5.ความหมายของ e-new ข่าวออนไลน์ซึ่งท่านสามารถอ่านข่าวประจำวันจากหนังสือพิมพ์มากกว่า 20 ฉบับ รวมทั้งฐานข้อมูลข่าวออนไลน์ที่สำนักหอสมุดได้สิทธิ์ในการใช้


6.ความหมายของ Electronic Payment คือ “ระบบชำระเงินผ่านบัตรเครดิตออนไลน์” (Online Payment Gateway) ที่อำนวยความสะดวก ให้ทุกท่านสามารถทำการค้า ผ่านระบบออนไลน์ E-Commerce ได้อย่างสะดวกปลอดภัย โดยท่านสามารถรับเงินจากบัตรเครดิตของลูกค้าท่านได้โดยตรงผ่านระบบของเว็บไซต์ที่ให้บริการ ซึ่งท่านสามารถที่จะจัดการการชำระเงินจากลูกค้าได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นการตัดวงเงินหรือการยกเลิกวงเงิน


7.ความหมายของ E-Learning คือ การเรียนรู้แบบออนไลน์ หรือ e-learning การศึกษา เรียนรู้ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์อินเทอร์เน็ต(Internet) หรืออินทราเน็ต(Intranet) เป็นการเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผู้เรียนจะได้เรียนตามความสามารถและความสนใจของตน โดยเนื้อหาของบทเรียนซึ่งประกอบด้วย ข้อความ รูปภาพ เสียง วิดีโอและมัลติมีเดียอื่นๆ จะถูกส่งไปยังผู้เรียนผ่าน Web Browser โดยผู้เรียน ผู้สอน และเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคน สามารถติดต่อ ปรึกษา แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันได้เช่นเดียวกับการเรียนในชั้นเรียนปกติ โดยอาศัยเครื่องมือการติดต่อ สื่อสารที่ทันสมัย(e-mail, web-board, chat) จึงเป็นการเรียนสำหรับทุกคน, เรียนได้ทุกเวลา และทุกสถานที่


8.ความหมายของ e-sourcing คือ การขอให้ผู้ค้าเสนอราคาและเงื่อนไข


9. ความหมายของ ASCII ย่อมาจาก American standard code for Information Interchange หมายถึงรหัสมาตรฐานที่ใช้แทนข้อมูล ซึ่งถูกคิดค้นที่อเมริกาและกำหนดเป็นมาตรฐานสากล นั่นคือ ตำแหน่งที่ 0-31 แทนรหัสควบคุมต่างๆ ตำแหน่งที่ 32-127 แทนสัญลักษณ์ ตัวเลขและอักขระภาษาอังกฤษ ตำแหน่งที่ 128-255 แทนอักขระที่เรากำหนดขึ้นเองเป็นมาตรฐานที่ใช้ในแต่ละประเทศ เพื่อการสื่อสารหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างคอมพิวเตอร์ และทำให้เป็นระบบเดียวกันทั้งประเทศ สามารถรับส่งข้อมูลในความหมายเดียวกันได้ รหัสแอสกีมีขนาดเท่ากับ 8 บิต แทนข้อมูลได้ทั้งหมด เท่ากับ 256 ค่า


10.ความหมายของ BIOS เป็นคำย่อของ basic input/output system เป็นระบบการควบคุมการส่งผ่านข้อมูลระหว่างเครื่อง อุปกรณ์ต่างๆ ในระบบคอมพิวเตอร์ เช่น การส่งข้อมูลระหว่างหน่วยความจำ แผ่นดิสก์ และมอนิเตอร์ เป็นต้น


11.ความหมายของ Ram ย่อมาจาก (Random Access Memory) เป็นหน่วยความจำหลักที่จำเป็น หน่วยความจำ ชนิดนี้จะสามารถเก็บข้อมูลได้ เฉพาะเวลาที่มีกระแสไฟฟ้าหล่อเลี้ยงเท่านั้นเมื่อใดก็ตามที่ไม่มีกระแสไฟฟ้า มาเลี้ยง ข็อมูลที่อยู่ภายในหน่วยความจำชนิดจะหายไปทันที หน่วยควมจำแรมคือหน่วยความจำที่มีการเข้าถึงได้ โดยไม่ต้องใส่ลำดับ (Sequential Access) ต้องการข้อมูล ที่ตำแหน่งใดก็ได้ โดยส่ง Address (ตัวเลขระบุตำแหน่ง) ให้กับ RAM Memory Chip ที่ใช้กันในเครื่องพีซีแบ่งได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ 1.SRAM(Static RAM) 2.DRAM(Dynamic RAM)


12.ความหมายของ Rom ย่อมาจาก read only memory (แปลว่าหน่วยความจำอ่านอย่างเดียว) หมายถึงหน่วยความจำลักษณะหนึ่งที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลออกมาได้อย่างเดียวเท่านั้น จะบันทึกข้อมูลลงไปไม่ได้เลย หน่วยความจำส่วนนี้จะเก็บคำสั่งเบื้องต้นต่าง ๆ ไว้ และจะเก็บอยู่ตลอดไป แม้ว่าจะปิดสวิตซ์ที่เครื่องคอมพิวเตอร์ ข้อมูลในรอมก็จะไม่ศูนย์หายไปไหน ดู RAM เปรียบเทียบ


13.ความหมายของ multitasking system หมายถึง สมรรถภาพของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่สามารถทำงานสองโปรแกรมขึ้นไปได้เวลาเดียวกัน เช่น ในระหว่างปฏิบัติการของโปรแกรมการพิมพ์ ก็สามารถที่จะปฏิบัติการในโปรแกรมอื่นได้อีก โดยไม่ต้องรอให้การพิมพ์แล้วเสร็จเสียก่อน


14.ความหมายของ Inkjet เป็นเครื่องพิมพ์ชนิดหนึ่งที่ใช้วิธีฉีดหมึกลงบนแผ่นกระดาษแทนการกระแทกตัวพิมพ์ลงบนผ้าหมึกแบบเครื่องพิมพ์แบบกระทบ (impact printer) เครื่องพิมพ์ชนิดนี้ ทำงานเงียบกว่า ผลงานที่ออกมาก็มีคุณภาพดีกว่า (แต่ยังไม่ดีเท่าเครื่องพิมพ์เลเซอร์)


15.ความหมายของ Dot Metrix เป็นเครื่องพิมพ์ขนาดเล็ก มีราคาถูก คุณภาพอยู่ในเกณฑ์ดี ใช้งานได้ทั่วไป และที่เรียกว่าเครื่องพิมพ์แบบจุดเนื่องรูปลักษณะตัวอักษรที่พิมพ์ออกมาจะเป็นจุดเล็ก ๆ อยู่ในกรอบ เช่น ตัวอักษรที่มีความละเอียดในแนวทางสูงของตัวอักษร 24 จุด และความกว้างแต่ละตัวอักษร 12 จุด ขนาดแมทริกซ์ของตัวอักษรจะมีขนาด 24X12 จุด


16.ความหมายของ Laser Printer เป็นเครื่องพิมพ์ที่กำลังได้รับความนิยม เครื่องพิมพ์นี้อาศัยเทคโนโลยีไฟฟ้าสถิตย์ที่พบได้ในเครื่องถ่ายเอกสารทั่วไป โดยลำแสงจากไดโอดเลเซอร์ (diote laser) จะฉายไปยังกระจกหมุน เพื่อสะท้อนไปยังลูกกลิ้งอย่างรวดเร็ว สารเคลือบบนลูกกลิ้งจะทำปฏิกิริยากับแสงแล้วเปลี่ยนเป็นประจุไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งทำให้ผงหมึกเกาะติดกับพื้นที่ที่มีประจุ เมื่อกระดาษพิมพ์หมุนผ่านลูกกลิ้ง ความร้อนจะทำให้ผงหมึกหลอมละลายติดกับกระดาษได้ภาพหรือตัวอักษรตามต้องการ เนื่องจากลำแสงเลเซอร์ได้รับการควบคุมอย่างแม่นยำ ทำให้ความละเอียดของจุดภาพที่ปรากฏบนกระดาษสูงมาก งานพิมพ์จึงมีคุณภาพสูงทำให้ได้ภาพและตัวหนังสือที่คมชัดสวยงาม การพิมพ์ของเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะไม่ส่งเสียงดังเหมือนเครื่องพิมพ์


17.ความหมายของ Search Engine หรือ SE หมายถึง เครื่องมือบนอินเทอร์เน็ตประเภทหนึ่งที่มีความสามารถลึกล้ำ จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึงอย่างหนึ่งพอๆ กับการสร้างอินเทอร์เน็ตขึ้นมาให้เราได้ใช้ เป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยให้เราค้นหาข้อมูลต่างๆ ได้จากทุกที่ตามที่เราต้องการ เพียงแค่เรากรอกข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องการค้นหา (Keyword) ระบบการทำงานของ SE ก็จะทำการจัดเรียงรายงานข้อมูลเว็บไซต์หรือเว็บเพจต่างๆ ที่มีอยู่ในสารบบออกมาให้เราเลือกสรรอย่างมากมายก่ายกองตัวอย่างของ Search Engine ชั้นนำ เช่น google.com, yahoo.com และ msn.com ส่วน Search Engine อื่นๆ เช่น aol.com, ask.com, altavista.com, hotbot.com, sanook.com ฯลฯ


18.ความหมายของ Web Browser เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการอ่านสืบค้นข้อมูลในไฟล์หรือใน World Wide Web

วันเสาร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2551

ระบบปฏิบัติการ

1. ระบบปฏิบัติการ หมายถึงอะไร

ตอบ ระบบปฏิบัติการ (operating system) หรือ โอเอส (OS) เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ทั่วไป บางครั้งเราอาจะเห็นระบบปฏิบัติการเป็นเฟิร์มแวร์ก็ได้ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่หลัก ๆ คือ การจัดสรรทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ ในเรื่องการรับส่งและจัดเก็บข้อมูลกับฮาร์ดแวร์ เช่น การส่งข้อมูลภาพไปแสดงผลที่จอภาพ การส่งข้อมูลไปเก็บหรืออ่านจากฮาร์ดดิสก์ การรับส่งข้อมูลในระบบเครือข่าย การส่งสัญญานเสียงไปออกลำโพง หรือจัดสรรพื้นที่ในหน่วยความจำ ตามที่ซอฟต์แวร์ประยุกต์ร้องขอ รวมทั้งทำหน้าที่จัดสรรเวลาการใช้หน่วยประมวลผลกลาง ในกรณีที่อนุญาตให้รันซอฟต์แวร์ประยุกต์หลายๆ ตัวพร้อมๆ กันระบบปฏิบัติการ ช่วยให้ตัวซอฟต์แวร์ประยุกต์ ไม่ต้องจัดการเรื่องเหล่านั้นด้วยตนเอง เพียงแค่เรียกใช้บริการจากระบบปฏิบัติการก็พอ ทำให้พัฒนาซอฟต์แวร์ประยุกต์ได้ง่ายขึ้น



2. จงยกตัวอย่างระบบปฏิบัติการอื่น ๆ นอกเหนือจาก Window XP มาอย่างน้อย 1 ระบบปฏิบัติการ พร้อมอธิบาย โดยละเอียด

ตอบ 1.ลินุกซ์ (Linux) และรู้จักในชื่อ กนู/ลินุกซ์ (GNU/Linux) โดยทั่วไปเป็นคำที่ใช้ในความหมายที่หมายถึงระบบปฏิบัติการแบบยูนิกซ์ โดยใช้ลินุกซ์ เคอร์เนล เป็นศูนย์กลางทำงานร่วมกับไลบรารีและเครื่องมืออื่น ลินุกซ์เป็นตัวอย่างหนึ่งในฐานะซอฟต์แวร์เสรี และซอฟต์แวร์โอเพนซอร์สที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียง ทุกคนสามารถดูหรือนำโค้ดของลินุกซ์ไปใช้งาน, แก้ไข, และแจกจ่ายได้อย่างเสรี ลินุกซ์นิยมจำหน่ายหรือแจกฟรีในลักษณะเป็นแพคเกจ โดยผู้จัดทำจะรวมซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในด้านอื่นเป็นชุดเข้าด้วยกัน เริ่มแรกของของลินุกซ์พัฒนาและใช้งานในเฉพาะกลุ่มผู้ที่สนใจ ซึ่งในปัจจุบันลินุกซ์ได้รับความนิยมเนื่องมาจากระบบการทำงานที่เป็นอิสระ ปลอดภัย เชื่อถือได้ และราคาต่ำ จึงได้มีการพัฒนาจากองค์กรต่าง ๆ เช่น ไอบีเอ็ม ฮิวเลตต์-แพกการ์ด และ โนเวลล์ ใช้สำหรับในระบบเซิร์ฟเวอร์และพีซี เริ่มแรกลินุกซ์พัฒนาสำหรับใช้กับเครื่อง อินเทล 386 ไมโครโพรเซสเซอร์ หลังจากที่ได้รับความนิยมปัจจุบัน ลินุกซ์ได้พัฒนารับรองการใช้งานของระบบสถาปัตยกรรมคอมพิวเตอร์ในระบบต่าง ๆ รวมถึงในโทรศัพท์มือถือ และกล้องวีดีโอ ลินุกซ์มีสัญญาอนุญาตแบบ GPL ซึ่งเป็นสัญญาอนุญาตที่กำหนดให้ผู้ที่นำโค้ดไปใช้ต้องใช้สัญญาอนุญาตแบบเดิมต่อคือใช้สัญญาอนุญาต GPL เช่นเดียวกัน ซึ่งลักษณะสัญญาอนุญาตแบบนี้เรียกว่า copyleft

2. ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ (Microsoft Windows) เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ เปิดตัวเมื่อปี พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) และครองความนิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก



3. จงยกตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่เหมาะสำหรับบริหารจัดการเครือข่าย พร้อมให้เหตุผล

ตอบ การใช้งานดั้งเดิมของลินุกซ์ คือ ใช้เป็นระบบปฏิบัติการสำหรับเครื่องเซิร์ฟเวอร์ แต่จากราคาที่ต่ำ ความยืดหยุ่น พื้นฐานจากยูนิกซ์ ทำให้ลินุกซ์เหมาะกับงานหลาย ๆ ประเภท ลินุกซ์ ถือเป็นส่วนสำคัญของซอฟต์แวร์เซิร์ฟเวอร์ที่เรียกว่า LAMP ย่อมาจาก Linux, Apache, MySQL, Perl/PHP/Python ซึ่งเป็นที่นิยมใช้เป็นเว็บเซิร์ฟเวอร์ และพบมากสุดระบบหนึ่ง ตัวอย่างซอฟต์แวร์ซึ่งพัฒนาสำหรับระบบนี้คือ มีเดียวิกิ ซอฟต์แวร์สำหรับวิกิพีเดีย เนื่องจากราคาที่ต่ำและการปรับแต่งได้หลากหลาย ลินุกซ์ถูกนำมาใช้ในระบบฝังตัว เช่น เครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์พกพาต่าง ๆ ลินุกซ์เป็นคู่แข่งที่สำคัญของ ซิมเบียนโอเอส ซึ่งใช้ในโทรศัพท์มือถือจำนวนมาก และใช้แทนวินโดวส์ซีอี และปาล์มโอเอส บนเครื่องคอมพิวเตอร์พกพา เครื่องบันทึกวีดิโอก็ใช้ลินุกซ์ที่ดัดแปลงเป็นพิเศษ ไฟร์วอลล์และเราเตอร์หลายรุ่น เช่นของ Linksys ใช้ลินุกซ์และขีดความสามารถเรื่องทางเครือข่ายของมันระยะหลังมีการใช้ลินุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการของซูเปอร์คอมพิวเตอร์มากขึ้น ในรายชื่อซูเปอร์คอมพิวเตอร์ TOP500 ของเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2548 เครื่องซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่เร็วที่สุดสองอันดับแรกใช้ลินุกซ์ และจาก 500 ระบบ มีถึง 371 ระบบ (คิดเป็น 74.2%) ให้ลินุกซ์แบบใดแบบหนึ่งเครื่องเล่นเกม โซนี่ เพลย์สเตชัน 3 ที่ออกในปี พ.ศ. 2549 รันลินุกซ์ โซนียังได้ปล่อย PS2 Linux สำหรับใช้กับเพลย์สเตชัน 2 อีกด้วย ผู้พัฒนาเกมอย่าง Atari และ id Software ก็เคยออกซอฟต์แวร์เกมบนลินุกซ์มาแล้ว



4. จงยกตัวอย่างระบบปฏิบัติการที่พัฒนาโดยคนไทย มาอย่างน้อย 1 ระบบปฏิบัติการ พร้อมอธิบายโดยสังเขป


ตอบ วิถีไอทีในตอนนี้จะพาผู้ฟังไปทำความรู้จักกับซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการแบบโอเพ่นซอร์สที่พัฒนาโดยคนไทย “ลินุกซ์ทะเล” ว่ามีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ใช้งานอย่างไร มีความแตกต่างจากระบบปฏิบัติการวินโดวส์ที่คนส่วนใหญ่รู้จักกันดีมากน้อยแค่ไหน มีซอฟต์แวร์ประยุกต์อะไรบ้างที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบปฏิบัติการลินุกซ์ทะเล รวมทั้งการทำความเข้าใจกับซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์ส และประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้งานโอเพ่นซอร์ส



.5. จงออกข้อสอบเกี่ยวกับเรื่อง "ระบบปฏิบัติการ" มาอย่างน้อยคนละ 5 ข้อ พร้อมเฉลยคำตอบ (อธิบายด้วยนะครับ ตอนเฉลยอ่ะ ว่าทำไมถึงต้องตอบข้อนี้)


ตอบ

1. ระบบปฏิบัติการมีหน้าที่อะไร

ตอบ การจัดสรรทรัพยากรในเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้บริการซอฟต์แวร์ประยุกต์ ในเรื่องการรับส่งและจัดเก็บข้อมูลกับฮาร์ดแวร์

2. เพราะเหตุใด ระบบปฏิบัติการลีนุกซ์จึงเหมาะสมในการจัดการกับระบบเครือข่าย

ตอบ เนื่องจากราคาที่ต่ำและการปรับแต่งได้หลากหลาย ลินุกซ์ถูกนำมาใช้ในระบบฝังตัว

3.ใครเป็นคนแรกที่พัฒนาระบบปฎิบัติการลีนุกซ์

ตอบ ลินุส โตร์วัลดส์ (Linus Torvalds) ชาวฟินแลนด์

4. ไมโครซอฟท์ วินโดวส์ (Microsoft Windows) เป็นระบบปฏิบัติการ ซึ่งพัฒนาโดยบริษัทไมโครซอฟท์ และเปิดตัวเมื่อปี ใด

ตอบ เมื่อ พ.ศ. 2528 (ค.ศ. 1985) และครองความนิยมในตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล มากกว่า 90% ของการใช้งานทั่วโลก

5. ระบบปฏิบัติการ (operating system) หรือ โอเอส (OS) มีความสำคัญอย่างไร

ตอบ เป็นซอฟต์แวร์ที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ประยุกต์ทั่วไป บางครั้งเราอาจะเห็นระบบปฏิบัติการเป็นเฟิร์มแวร์ก็ได้

วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2551

โดเมนเนม

ส่งงานแล้ว อิ อิ อิ
1. โดเมนเนมคืออะไร ?
เป็นคำถามที่ผู้ที่เล่นเน็ตเป็นประจำอาจจะหัวเราะได้ แต่ฉํนเชื่อว่าน่าจะมีหลายๆ คน ที่ยังสับสนระหว่างโดเมนเนม กับ url ว่ามันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร แต่สำหรับผู้เริ่มต้นสนใจคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ฉันว่าควรศึกษาเนื้อหา เรื่องราวกับเรื่องพวกนี้นะค่ะ เวลาเรียกจะได้ไม่สับสน เกิดความเข้าใจ น่าสนใจนะค่ะ
รู้จัก IP Address ก่อนนะค่ะคอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP จะมีหมายเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกับเครื่องใดในโลก เราเรียกหมายเลขพวกนี้ว่า IP Address นั่นเอง IP Address จะมีอยู่เลขเดียวในโลกไม่ซ้ำกับใคร ซึ่งไอพีแอดเดรสจะอยู่ในรูปของตัวเลข 4 ชุด ที่มีจุดคั่น เช่น 203.121.2.5 เป็นต้น ซึ่งเจ้า IP Address นี่เอง ที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อในเครือข่ายอินเตอร์เน็ตรู้ใครเป็นใคร โดยสามารถรู้ได้ว่าคอมพิวเตอร์นี้ตั้งอยู่ที่ไหน ของใคร ซึ่งหากมีการกระทำความผิดบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เช่น การเผยแพร่ ข้อมูลข่าวสาร ที่ขัดต่อระเบียบกฎหมายของประเทศนั้นๆ เขาก็สามารถหาตัวคนผิดได้จากเจ้า IP Address นี่แหละค่ะซึ่งหากเมื่อใดที่เราต้องการติดต่อกับคอมพิวเตอร์เครื่องใด หรือต้องการเข้าไปดูข้อมูลข่าวสาร จากคอมพิวเตอร์หรือเว็บไซต์ใด เราก็สามารถใช้เลข IP Address เพื่อติดต่อสื่อสารกับเครื่องนั้นๆ ได้ แต่เราต้องจำให้ได้นะค่ะ ว่าคอมพิวเตอร์ที่เราต้องการติดต่อ เชื่อมต่อเข้าเครือข่ายอินเตอร์เน็ตใหม และเลขไอพีแอดเดรสของเครื่องนั้นๆ คืออะไรด้วยนะค่ะ ซึ่งอาจจะจำยากสักหน่อย แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีใครเขาจำหรอกค่ะ เพราะมีวิธีการที่ง่ายกว่าเยอะ นั่นก็คือการใช้โดเมนเนม (Domain Name) นั่นเองรู้จัก Domain Nameถึงแม้ว่าไอพีแอดเดรสจะสามารถอ้างอิงไปยัง คอมพิวเตอร์เครื่องใดๆ ก็ได้ในโลกของอินเตอร์เน็ต แต่ก็จำได้ยากเนื่องจากเป็นตัวเลขล้วนๆ จึงได้มีการออกแบบให้ใช้ชื่อแทนไอพีแอดเดรส เพื่อสะดวกในการจดจำ เราเรียกชื่อเหล่านี้ว่า โดเมนเนม (Domain Name) ซึ่งแปลตรงๆ คือ ชื่อโดเมน นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่นhttp://www.pchompoo.com ซึ่งทั้งหมดนี้เราเรียกว่า URL ส่วนที่เรียกว่าโดเมนเนมก็คือ pchompoo.com ส่วน http://www คือส่วนที่แสดงให้เรารู้ว่า เราใช้บริการรูปแบบใดบนระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ซึ่งตรงนี้จะเป็นบริการข่าวสารผ่านทางหน้าเอกสารอินเตอร์เน็ต (Webpage) ซึ่งมีรูปแบบเหมือนกับสื่อสิ่งพิมพ์อื่นๆ แต่มีรูปแบบ ลูกเล่นที่หลากหลายกว่าเยอะค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่เราจะใช้บริการ WWW เป็นส่วนใหญ่นะค่ะส่วนอื่นก็จะมีที่ใช้บริการถ่ายโอนข้อมูล (FTP) ,e-mail, IRC (chat)

2. สำหรับส่วนตอท้ายสุดคือ .com คนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่านามสกุลฉันก็ว่าน่าจะใช่ เพราะมันจะเป็นตัวบอกให้รู้ถึงประเภทของ เว็บไซต์นั้นๆ ว่ามีลักษณะอย่างไร พอจะสรุปให้ฟังได้ดังนี้ครับนามสกุลโดเมนของเว็บไซต์ทั่วไป
.com คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ภาคเอกชน ธุรกิจ
.net คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ขององค์กรที่ให้บริการด้านเครือข่าย เช่น ISP
.org คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ขององค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ
.gov คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ของภาครัฐบาลซึ่งนามสกุลโดมเนมที่ยกตัวอย่าง มักเป็นองค์กรที่จดทะเบียนโดเมนเนมไว้ในประเทศสหรัฐอเมริกา ส่วนโดเมนเนมที่ตั้งอยู่ในประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกาจะมีตัวย่อเพิ่มขึ้นมาอีกชุดหนึ่ง เช่น .co.th , .ac.th เป็นต้น ซึ่งนามสกุลโดเมนเหล่านี้จะถูกจดทะเบียนในประเทศไทย (th)
.co.th คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ของภาคเอกชนในประเทศไทย
.ac.th คือ ลักษณะประเภทของเว็บไซต์ของสถาบันการศึกษาในประเทศไทย เป็นต้น
ตำแหน่งอ้างอิงบนอินเตอร์เน็ต (URL)โดเมนเนมและไอพีแอดเดรสสามารถอ้างอิงเว็บไซต์ได้ทั่วโลก แต่ในกรณีที่เราจะอ้างอิงเว็บเพจ หรืออ้างอิงหน้าใดๆ บนเว็บไซต์ เราต้องใช้ URL ซึ่งเป็นสิ่งที่เราจะต้องใส่ในช่อง Address ของ Browser ซึ่ง url มีส่วนประกอบดังต่อไปนี้http://www.pchompoo.com/contact.htmส่วนของ http://www. เป็นส่วนของบริการที่เรากำลังใช้อยู่ โดยตัวอย่างนี้เป็นบริการด้านข้อมูลข่าวสาร ซึ่งก็คือบริการ WWW นั่นเองส่วนของ pchompoo.com เป็นส่วนของโดเมนเนมของเว็บไซต์นั้นๆส่วนของ /contact.htm เป็นส่วนของเว็บเพจที่เราจำเพาะเจาะจงให้เปิดขึ้นมาทั้งหมดนี้เรียกรวมๆ ว่า URL (Uniform Resource Locator) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ใช้อ้างอิงเว็บเพจต่างๆ ในอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะใช้บริการใดหรือเว็บเพจอยู่ที่ใดในโลกคงพอจะทำให้ท่านมีความรู้เพิ่มเติมบ้างนะค่ะ

3. กรณีจดทะเบียน .com , .org , .net, biz, .info, เอกสารที่ต้องใช้คือ บัตรประจำตัวประชาชน ยืนยันความเป็นเจ้าของโดเมน
กรณีจดทะเบียนของไทย .TH
>> .CO.TH สามารถพิจารณาเอกสารประกอบได้เป็น 2 แบบ
แบบที่หนึ่ง คือ จดทะเบียนโดเมนเนมโดยพิจารณาจากชื่อบริษัท ชื่อโดเมนเนมจำเป็นต้องสอดคล้อง, เป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือย่อมากจากชื่อบริษัทได้ หนึ่งบริษัทสามารถจดทะเบียนโดเมนเนมได้เพียง 1 ชื่อเท่านั้น เว้นแต่มีการจดชื่อเครื่องหมายการค้าไว้ อีกชื่อหนึ่ง จึงจะสามารถยื่นจดชื่อเครื่องหมายการค้านั้น ๆ ได้เอกสาร : หนังสือรับรองบริษัท, ใบภ.พ.20 (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือใบท.ค.0401 (ทะเบียนการค้า)กรณี บริษัทในต่างประเทศ จะต้องมีตัวแทนที่จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย ใช้เอกสารประกอบดังนี้
1.หนังสือรับรองบริษัทต่างประเทศ 2.หนังสือรับรองบริษัทตัวแทนที่จดทะเบียนบริษัทในประเทศไทย3.หนังสือรับรองที่รับรองโดยบริษัทต่างประเทศ ซึ่งมีใจความสำคัญ 2 ใจความ
รับรองบริษัทที่จดทะเบียนในประเทศไทยเป็นบริษัทตัวแทน
รับรองการอนุญาตใช้ชื่อองค์กรต่างประเทศในการจดทะเบียนโดเมนเนม ในชื่อ .CO.TH

แบบที่สอง คือ จดทะเบียนโดเมนเนมโดยพิจารณาจากเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายบริการ ชื่อโดเมนเนมจำเป็นต้องตรงกับเครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายบริการทุกตัวอักษร เครื่องหมายการค้า/เครื่องหมายบริการจำเป็นต้องถูกจดทะเบียนและประกาศรับรองโดย กรมทรัพย์สินทางปัญญา ประเทศไทยเอกสาร : หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า หรือ หนังสือสำคัญแสดงการจดทะเบียนเครื่องหมายบริการ
ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร
หนังสือรับรองการจดโดเมน.CO.TH
หนังสือรับรองการจดโดเมน.CO.TH(บริคณห์สนธิ)
หนังสือรับรองการจดโดเมน.CO.TH(ภ.พ.01)
หนังสือรับรองการจดโดเมน.CO.TH(ภ.พ.09)
หนังสือรับรองการจดโดเมน.CO.TH(ภ.พ.20)
>> .AC.TH เอกสารที่สามารถใช้อ้างอิงการการจดทะเบียนโดเมนเนมภายใต้ .AC.TH กรณีที่ไม่สามารถแสดงหนังสือจัดตั้งโรงเรียนได้นั้น รบกวนทางโรงเรียนออกหนังสือรับรอง หน่วยงานที่สังกัด ที่ตั้งของโรงเรียน และรับรองการขอจดทะเบียนโดเมนเนม พร้อมทั้งประทับตราและเซ็นต์รับรองโดย ท่านผู้อำนวยการของทางโรงเรียนเงื่อนไขในการจดโดเมน .AC.TH 1. ชื่อโดเมนเนมจำเป็นต้องสอดคล้อง, เป็นส่วนใดส่วนหนึ่ง หรือย่อมากจากชื่อองค์กรได้ 2. หนึ่งองค์กรสามารถจดทะเบียนโดเมนเนมได้เพียง 1 ชื่อเท่านั้นเอกสาร : หนังสือจัดตั้งโรงเรียน และเอกสารอนุญาติการจดโดเมน .AC.TH จากผู้บริหาร
ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร
หนังสือรับรองการจัดตั้งโรงเรียน
หนังสือรับรองการจดโดเมน .AC.TH
>> .GO.TH เอกสารประกอบการยื่นจดคือ หนังสือที่ทางหน่วยงานแจ้งชื่อโดเมนเนม .go.th ให้ทาง ผู้บริหารเทคโนโลยีสารสนเทศระดับสูง (Chief Information Officer : CIO) ของกระทรวง/กรมต้นสังกัด รับทราบ
ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร
หนังสือรับรองการจดโดเมน.GO.TH
หนังสือรับรองการจดโดเมน.GO.TH(CIO)
>> .IN.TH เอกสารที่ใช้ประกอบการจดทะเบียนโดเมนเนมภายใต้ .IN.TH
กรณีจดในนามนิติบุคคล หนังสือรับรองบริษัท, ใบภ.พ.20 (ภาษีมูลค่าเพิ่ม), ใบท.ค.0401 (ทะเบียนการค้า) หรือ หนังสือรับรององค์กร/club/group
กรณีจดในนามบุคคล สำเนาบัตรประชาชน, สำเนาใบขับขี่ หรือ หนังสืออนุญาตประกอบอาชีพของคนต่างด้าว
>> .MI.TH เอกสารที่ต้องใช้คือ หนังสือรับรองจาก กรมการสนเทศทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ว่าอนุญาตให้หน่วยงาน/องค์กรของท่าน จดทะเบียนโดเมนเนมภายใต้ .mi.th ได้ สำหรับแบบฟอร์มและวิธีการขอหนังสือรับรองจาก กรมการสนเทศทหาร กองบัญชาการทหารสูงสุด ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่
http://web.schq.mi.th/mi.th
ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร
หนังสือรับรองการจดโดเมน.MI.TH
>> .NET.TH เอกสารที่ต้องใช้คือ ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมทั้ง 3 แบบ ตาม พระราชบัญญัติ การประกอบกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. ๒๕๔๔
ตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร
หนังสือรับรองการจดโดเมน.NET.TH
>> .OR.TH เอกสารที่ต้องใช้คือ หนังสือจัดตั้งองค์กร เช่น หนังสือจัดตั้งสมาคม หรือ หนังสือจัดตั้งมูลนิธิ เป็นต้น กรณีที่ไม่สามารถแสดงหนังสือจัดตั้งองค์กรได้นั้น รบกวนแสดงหนังสือซึ่งประกอบด้วย ประธาน, คณะกรรมการ, จุดประสงค์ที่เด่นชัด, ที่อยู่ที่แน่นอน และมีหน่วยงานที่เป็นที่รู้จักรับรองว่า มีหน่วยงานของท่านอยู่จริงตัวอย่างแบบฟอร์ม เอกสาร

4. หลักการตั้งชื่อโดเมนเนม
โดเมนเนมหรือชื่อโดเมนนั้น เกิดขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์ในการที่จะให้ผู้ที่ ใช้งานคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในเครือข่ายสามารถที่จะเข้าถึงหรือเรียกไปยังโฮสต์ ที่ต้องการได้โดยใช้ชื่อที่สามารถจดจำได้ง่ายแทนที่จะเป็นชุดของตัวเลข ซึ่งยากแก่การจดจำและไม่สะดวกที่จะพูด และเนื่องจากโดเมนเนมถูกจดมากขึ้น ทุกๆ วัน กว่า 40,000 ชื่อ ดังนั้นการที่จะหาชื่อโดเมนเนมดีๆ สักชื่อก็ยากตามไปด้วย กฎ 5 ข้อตรงนี้ จะช่วยคุณหาชื่อใหม่ที่ดีได้ง่ายๆ แต่ก็ต้องจำไว้ด้วยว่าชื่อใหม่ของคุณนี้อาจจะไม่ฮ็อตติดปากชาวเน็ตก็ได้ แม้ว่าคุณจะทำตามกฎทุกๆ ข้ออย่างพิถีพิถันแล้วก็ตาม
1.หลีกเลี่ยงสำนวนหรือคำพ้อง
ชื่อหรือคำพูดตลกๆ อ่านจะฟังดูน่าสนใจถ้าคุณได้ยินเป็นครั้งแรก จากเพื่อน หรือในวงเหล้า และอาจจะยังให้ความรู้สึกดีๆอยู่ ถ้าคุณได้เห็น หรือได้ยินเป็นครั้งที่สอง ตอนนั่งรถ TAXI กลับบ้าน แต่เรื่องตลก เรื่องเดียวกันจะทำให้คุณรู้สึกแย่เอามากๆ ถ้าไปถึงที่ทำงานเช้าวันรุ่งขึ้น แล้วได้ยินมันอีก แล้วมันก็จะแย่ลงเรื่อยๆ… เพราะเสียงของมัน จะตามมา หลอกหลอนคุณไปไม่รู้จบ ตราบเท่าที่คุณยังจำมันได้ โดเมนเนมหลายชื่อ โด่งดังมาจากการตั้งชื่อ โดยใช้คำพ้องต่างๆ เช่น "2" แทน "TO" หรือ "4" แทน "FOR" หรืออาจเป็น "U" แทน "YOU" ขณะเดียวกัน ก็มีโดเมนเนม อีกเป็นโหลๆ ที่กำลังแปรขบวนดาหน้าเข้ามาแข่งขันในสนามเดียวกัน
2.ถ้าจะลงทุน ก็ขอให้คิดอย่างนักลงทุน
ชื่อโดเมนเนมที่จะประสบความสำเร็จ จะมีคุณสมบัติที่สามารถแยก ตัวเองออกมาให้โดดเด่น และแตกต่างจากโดเมนเนมอื่นๆ ที่อยู่รายล้อม ก่อนที่จะ ประกาศตัวออกสู่ความยิ่งใหญ่บนโลกอินเตอร์เน็ต แนวทางที่ดี ที่จะช่วยให้คุณ สามารถสร้างเอกลักษณ์ให้กับชื่อใหม่ของคุณ มีดังนี้ - มองกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย - ตามกระแส.. หรือไม่ก็สร้างกระแสมันซะเลย - ทำตามความคิดของคุณ
3.ถ้าจะต้องจด ก็ต้องเลือกให้หมด
กฎข้อนี้มีไว้สำหรับนักลงทุนที่มีสายป่านค่อนข้างยาวเท่านั้น ที่เหลือไม่ขอแนะนำ ให้ข้ามไปอ่านข้อต่อไปได้เลยค่ะ..
คุณต้องตรวจสอบว่าชื่อโดเมนเนมของคุณสามารถใช้ได้ ทั้งลักษณะของเอกพจน์และพหูพจน์หรือไม่ ซึ่งถ้าหากจะต้องมีทั้งเติม "S" และไม่เติม "S" คุณก็จะต้องจดทั้ง 2 ชื่อ ต่อมาก็จะต้องดูว่าชื่อของคุณมีหลายพยางค์ หรือเปล่า ซึ่งถ้ามีก็ต้องจดเป็นแบบที่มี "-" คั่นด้วย (ถ้ายังจำกันได้ Mark&Spencer เคย suffer มาแล้ว จากการจดชื่อ mark-and-spencer.com โดยลืมจดชื่อ markandspencer.com ทำให้ถูกพวก squatter ไปจดมาขายจนมีคดีฟ้องร้องกันมาแล้ว) ใช้พจนานุกรม และความคิดของคุณอีกเล็กน้อย ลองหาคำอื่นที่มีความหมายเหมือนกัน ซึ่งถ้าเอามาใช้แทนก็จะ work ได้ เช่น ถ้าคุณจดคำว่า "money" ไว้แล้ว ก็น่าจะลองพิจารณาคำว่า "cash" "credit" หรือ " finance" ดูที่แนะนำมาทั้งหมดนี้ ก็เพื่อป้องกันพวก squatter น่ะค่ะ เพราะมีคดีความกันมามาก ซึ่งคุณก็จะต้องสู้อย่างถวายหัวใช้มั๊ยครับ ถ้าหากมีใครจดชื่อเว็บไซต์คล้ายๆ คุณแล้วเอามาใช้ผิดที่ผิดทางให้เกิด ความเข้าใจผิด (whitehouse.com ถูกจดมาทำเป็นเว็บไซต์ลามก นี่เป็นคดีตัวอย่างเลย แม้ว่าจะเป็นคนละชื่อกับ whitehouse.gov ของทำเนียบขาวก็เถอะ แต่คุณเองก็คงเห็นเหมือนกันว่าจนถึงตอนนี้เว็บนี้ก็ยังอยู่) คุณเองก็คงไม่อยากเสียเงินเสียทองและเสียเวลาไปขึ้นโรงขึ้นศาล ไหนจะเรื่องการสร้างชื่อเสียงคืนมาอีก ดังนั้นถ้าพอมีสตางค์ก็ ล้อมคอกเถอะค่ะ.. ก่อนที่วัวจะหาย....
4.อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน squatter หลายคนร่ำรวยจากการมองหาชื่อที่คล้ายคลึงกับโดเมนเนมดังๆหรือถ้ามีคนจดชื่อ .com ไปแล้วก็จะไปจด .net และ .org หรือแม้แต่ sub-domain อื่นๆ ในประเทศที่ธุรกิจนั้นทำอยู่ กฎข้อนี้ไม่มีอะไรนอกไปจากต้องการจะเตือนคุณที่บางครั้งอาจมองเห็นโอกาสจากชื่อโดเมนเนมของคนอื่น มองข้ามมันไปเถอะ มันไม่คุ้มที่จะทำหรอกค่ะ

5.อย่ารีบร้อน แต่ก็อย่านอนใจ อย่ารีบร้อนที่จะจดชื่อแรกที่คุณคิดขึ้นมาได้ ลองมองหาชื่ออื่น แล้วหาเวลาคุยหรือถามความเห็นจากเพื่อน หรือคนใกล้ตัวของคุณ แม้ว่าชื่อที่คุณตั้งใจจะจดจะมีโอกาสที่จะถูกจดไปก่อน แต่มันคุ้มค่า กับเงินที่คุณจะต้องจ่ายไป หากคิดที่จะเปลี่ยนมาใช้ชื่อใหม่ในภายหลัง ซึ่งชื่อเดิมของคุณก็อาจจะไม่เหลือค่าอะไรนอกจากเป็นหนี้ชิ้นนึง ที่คุณต้องจ่าย แต่ขณะเดียวกันก็อย่าจมอยู่กับความคิดดีๆ ตลอดไป เพราะบนโลกอินเตอร์เน็ต.. เวลามีค่าที่สุด!!...

5.คำถามง่ายๆๆ
ข้อที่ 1 โดเมนและเรนจ์ของ y = 3x^2+6x-5 คืออะไร
1.โดเมน x>-8เรนจ์ ทุกจำนวนจริง
2.โดเมน ทุกจำนวนจริงเรนจ์ y>=-8
3.โดเมน x>-8เรนจ์ y>=-8
4.โดเมน ทุกจำนวนจริงเรนจ์ y>-8

เฉลย ตัวเลือกที่ 2 กราฟกำลัง 1 2 3 4 .... มีช่วงของค่า x ทุกช่วงดังนั้น โดเมนคือ ทุกจำนวนจริงกราฟ ที่เป็นโจทย์นี้เป็นกำลัง 2 จึงมีค่าสูงสุดหรือต่ำสุดกราฟนี้มีค่าต่ำสุด ที่ y=-8ดังนั้นเรนจ์คือ y>=-8

ข้อที่ 2 โดเมนเรนจ์1.doc(December 24, 2007 10:02)
1.โดเมน x>= -5เรนจ์ ทุกจำนวนจริง
2.โดเมน x<=-5 x>=3เรนจ์ y>=0
3.โดเมน x<=-3 x>=5เรนจ์ y>=0
4.โดเมนเรนจ์ ทุกจำนวนจริง

เฉลย ตัวเลือกที่ 2

วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สำหรับชีวิตของฉันจะเป็นอะไรในอนาคต...... ก็คิดว่า อยากจะเป็น"ทันตแพทย์"ทำไมถึงอยากจะเป็นก็อยากจะช่วยรักษาฟันของผู้ป่วยให้หาย